ทริปหลีเป๊ะนี้เกิดขึ้นบนความเสี่ยงตั้งแต่ตอนจองตั๋วละ เพราะช่วงที่ผมไปนั้นคือ
4-7 พฤษภาคม 2018
ซึ่งเป็นช่วงกำลังจะเข้า Low season ของหลีเป๊ะละ
ความกังวลใจที่สุดคือ ก่อนที่จะถึงวันทริปออก ฝนตกหนักทุกวันที่กรุงเทพ ผมดูพยากรณ์อากาศที่เกาะหลีเป๊ะ ก็เห็นว่าฝนตกตลอดทุกวัน
ได้แต่คิดในใจว่า fail แล้วแน่ๆ เพราะถ้ามีฝน ทุกอย่างที่ผมอยากถ่าย ก็จะอดทันที
ทีนี้สิ่งที่ผมทำคือ เช็คพยากรณ์อากาศแบบ รายชั่วโมง ซึ่งดูแล้วผมก็เห็นว่า ฝนตกทุกวันก็จริง แต่เป็นช่วงเช้าเท่านั้น !!!
มันจะหยุดประมาณ 8 โมงเช้า ซึ่งผมก็ได้แต่แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าขอให้มันเป็นแบบนั้น
สำหรับทริปนี้ผมจองทัวร์ของบริษัทอันดามันบลูซีมา ตามรีวิวที่ผมเจอใน Pantip จาก อมยิ้มของ Beebug
เราติดต่อจองทัวร์เรียบร้อยได้ในราคาพิเศษ เนื่องจากอาจจะเป็นเพราะเป็นช่วงกำลังจะ Low season
————————————————————–
เริ่ม!!!…พอถึงวันเดินทาง เรานั้งเครื่องมาลงหาดใหญ่ แล้วต่อรถตู้มาขึ้นเรือที่ท่าปากบารา ตามสูตร
เมื่อมาถึงที่ท่ารถของทัวร์ที่เราซื้อแล้วเขาจะยกกระเป๋าลงจากรถให้
ข้อพึ่งระวังคือ ให้ดูกระเป๋าเราดี ๆ เพราะบางที เขาไม่ได้ยกกระเป๋าเราไปที่ท่าเรือให้ เราจะต้องยกไปเอง ถ้าบางทีเราไม่ยกไป มันอาจจะหายได้ครับผม
ระหว่างนั้นเราก็ซื้อ เครื่องดื่ม ขนม ข้ามไปได้ตามที่เราต้องการ ผมว่าประหยัดได้เยอะเลยครับ
และผมก็ได้พบกับไกด์ประจำทริปของผม “น้องเกา” ผู้ซึ่งอยู่คอยดูแลและบริการเราตลอดทั้งทริปตั้งแต่ขึ้นเรือไปจนกระทั่งขึ้นเรือกลับมาถึงรถตู้เลยทีเดียวประทับใจมากๆ
คุณสมบัติของน้องเกานั้น เป็นอะไรที่ดีงามมากๆ ถ้าผมมาอีก ผมก็จะเลือกให้น้องเขามาดูแลจริงๆ
- สุภาพ
- มีน้ำใจ
- ไม่พูดมากเกินความจำเป็น
- ตรงต่อเวลา
- ดูแลเอาใจใส่ดีมาก
- มีการให้คำแนะนำที่ดี
พอเรานั่งเรือจากปากบารา ก็จะแวะเกาะตะรุเตา เกาะไข่ แล้วก็มาเปลี่ยนเรือที่โป๊ะ เพื่อขึ้นเกาะหลีเป๊ะ
ภาพถ่ายระหว่างทางที่แวะก่อนที่จะมาถึงเกาะหลีเป๊ะนะครับ แค่นี้ก็สวยงามประทับใจสุด ๆ ไปเลยครับ
สำหรับที่พัก ผมพักที่ Mountain resort สิ่งดีๆที่คุณจะประทับใจที่นี้คือ
- พระอาทิตย์ตกหน้าหาด ที่โคตรสวยยยย (ผมลุ้นว่าฟ้าจะเปิดมั้ย สรุปว่าฟ้าระเบิดตูมตามเลยครับ)
- มีอุปกรณ์ดำน้ำให้เช่า และเรือคายัค
- อาหารเช้า กาแฟสด
- รถรับส่ง
- ที่พักสะอาด สะดวกสบาย
- หาดทรายสวย
- จุดถ่ายรูปประอาทิตย์ตก
- จุดถ่ายทางช้างเผือกอยู่ใกล้
สำหรับทริปดำน้ำที่ผมซื้อไปนั้น เป็นทริป 2 วัน รอบนอก กับรอบใน
เป็นการออกเรือไปดำน้ำดูปะการังที่ประทับใจมากๆ ทั้งสองวัน ทั้งปะการัง ปลา น้ำทะเลใสแจ๋ว ทุกอย่างลงตัวสุด ๆ จนแทบลืมไปว่า พยากรณ์ว่าฝนตกก่อนมา
องค์ประกอบที่เสริมกันอีกอย่างคือ น้องเกา ที่คอยดูแล จัดเตรียม ให้คำแนะนำทุกอย่างเป็นอย่างดี
ทิปการดำดูปะการังของผม
- ถ้าคุณว่ายน้ำแข็ง แต่ไม่เคยดำน้ำมาก่อน จริงๆ ลองถอดเสื้อชูชีพแล้ว snorkling ดูเลยครับ สบายตัว สนุกกว่าเยอะ แต่ขอให้อยู่ในความดูแลของไกด์นะครับ บอกให้เขาคอยดูแล และช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ เพราะของผม น้องเขาจะเอาห่วงยางลงไปให้คอยจับไว้ตลอดครับผม
- ตีนกบ เช่าไปเถอะครับ ว่ายสบายกว่า ตีนเปล่าเยอะ
- แว่นตาดำน้ำ เอาจริงๆ ถ้าผมมาอีกรอบ ผมจะซื้อมาเองแน่นอน เพราะของที่มีให้ มันก็ตามสภาพ น้ำเข้าตาบ้าง รัดแน่นไปบ้าง
- ถ้าคุณจะดำลงไปดูใกล้ๆ แนะนำว่าศึกษาเรื่องการเคลียร์หูไปก่อนเลยครับ เพราะคุณจะปวดหูแน่ๆ
สำหรับการถ่ายรูปใต้น้ำของผมสิ่งที่ผมอยากแชร์ประสบการณ์มีดังนี้
อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับถ่ายใต้น้ำ
- ถ้าคุณแค่อยากลงไปดำ ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอสวยๆ ขำๆ ผมแนะนำ พวก action cam อย่าง gopro หรือ sj cam แล้วซื้อ housing มาใส่ครับ
- ถ้าคุณอยากจริงจังขึ้นมานิด แนะนำซื้อกล้อง Olympus รุ่นที่ดำน้ำได้ อย่างรุ่น TG-5 ซึ่งจริง ๆ เอาลงได้เลยแบบดำ Snorkeling เพราะมันกันได้ 15 m เหลือ ๆ ครับ แต่ถ้ากันเหนียว และเราอยากจะไปดำ Scuba อยู่แล้ว ผมว่าซื้อ Housing ไปด้วยเลยดีกว่าครับ ผมไปจัดมาในงาน TDEX2018 หลังจากที่กลับมาจากทริปนี้นี่แหละครับ โดนไป 26,990 บาท
- ถ้าคุณรับความเสี่ยงได้ และอยากได้ของถูก ผมแนะนำ ซองกันน้ำ Dicapac หรือของยี่ห้อจีนที่ทำเลียนแบบ เอากล้องเราใส่ลงไปได้เลย ของผมซื้อมา 600 บาท เอามาใส่กับ Nikon D850
- ซื้อเคสกันน้ำ หรือซองกันน้ำมาใส่มือถือ ผมว่าอันนี้ก็สะดวกดีนะครับ ถ่ายได้ง่ายด้วย
- Filter สีแดง หรือถ้าถ่าย raw ได้ก็ มาปรับ wb อีกทีได้ครับ
ปัญหาที่ผมเจอตอนที่ลงไปถ่ายใต้น้ำจริงๆ โดยใช้อุปกรณ์เป็นซองกันน้ำ กับ Nikon D850
- โฟกัสยากมาก
- จัดคอมโพสลำบาก เพราะต้องมอง live view และแสงมันไม่ค่อยชัด
- มองช่องมองภาพไม่ได้เนื่องจากมันอยู่ในซอง และ เราต้องใส่แว่นตาดำน้ำอีก ลำบากมาก
- เลนส์ที่ผมใช้เป็นระยะ 58mm ซึ่งไม่เหมาะกับการถ่ายใต้น้ำเท่าใดนัก แนะนำว่าควรจะใช้พวกที่ wide หน่อย สัก 20mm ลงไปน่าจะถ่ายง่ายกว่านี้ครับ
- ดำลงไปถ่ายยาก เนื่องจากซองมันมีอากาศอยู่ข้างใน เราพยายามเอาออกให้หมดแล้วตอนปิดซอง แต่มันก็จะยังเหลืออยู่ครับ อารมณ์ เหมือนใส่เสื้อชูชีพดำน้ำ ดำลงก็ไม่ลง
จุดท่องเที่ยวที่ผมประทับใจในทริปนี้
- เกาะหินงาม อันนี้สวยจริง ๆ หินที่อยู่บนหาด สวยงามมาก ๆ
- ตอนดำไปดูปะการัง 5 สี ที่ร่องน้ำจาบัง
- หาดทรายขาว ถ่ายกับต้นไม้ที่ยื่นลงไปในทะเลสวยไปอีกแบบ
- เกาะตะรุเตา ประทับใจตั้งแต่ตอนแรกที่แวะ น้ำใส หาดขาวสวยงามมาก
- หน้าหาดตรงที่พัก Mountian Resort
เกาะหินงาม
หาดทรายขาว
รวมเซ็ทภาพพระอาทิตย์ตกสวย ๆ
เสริม…ก่อนจบ
จริง ๆ ตอนที่เรากลับขึ้นมาบนฝั่ง ถ้าเราออกจากเกาะช่วงเช้าสัก 9.30 น. เราจะถึงฝั่งประมาณ 11.00 น. ซึ่งถ้าเราอยากเที่ยวต่อ ผมแนะนำว่า ควรจะมีเวลาค้างอีกสักวัน เที่ยวในตัวเมืองเก่าของหาดใหญ่ ผมว่ามีที่สวย ๆ ให้เที่ยวเต็มเลย แต่เสียดาย ผมดันจองตั๋วไว้รอบ 19.00 น.มันเลยไม่มีเวลาไปเดินเที่ยวเลย เพราะจากสนามบินไปตรงช่วงเมืองเก่า ใช้เวลาตั้ง ชั่วโมงกว่า ๆ
หลังจากจบทริปนี้ ประสบการณ์ที่ผมได้รับในครั้งนี้ บอกเลยว่ามันทำให้ผมมีแรงบันดาลใจในการเรียนดำน้ำในทันที ที่ได้ลงไปดูปะการังใต้น้ำ มันสวยมาก ๆ จริง ๆ ตรึงตราตรึงใจมาก ๆ
เมื่อผมกลับมาถึง กทม พอดีกับที่จะมีงาน THAILAND DIVE EXPO 2018 ผมนี่ถึงกับเสี้ยน หาข้อมูลเกี่ยวกับ โรงเรียนดำน้ำ อย่างด่วน อุปกรณ์ดำน้ำ ไม่ว่าจะเป็น Mask , Fin , Snorkel เด่วผมจะเล่าให้ฟังในตอนต่อไปนะครับ ขอไปเขียนเพิ่มเติมก่อน สำหรับเรื่องประสบการณ์ การเลือก โรงเรียนสอนดำน้ำ Open Water และ การเลือก อุปกรณ์ แบบมือใหม่ สายอุปกรณ์อย่างผม
ขอบคุณที่อ่านจนจบมาถึงบรรทัดนี้นะครับผมคิดว่าถ้ามีใครสักคนที่อ่านสิ่งที่ผมเขียนมาจนถึงตรงนี้ได้
คุณต้องคิดว่าประสบการณ์ที่ผมแชร์ให้คุณได้อ่านนี้ต้องมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย อย่างไรช่วยแชร์ให้คนอื่น ๆ ได้รับรู้เรื่องราวดี ๆ ต่อกันด้วยนะครับผม
รับรองว่าอีกไม่นานนี้ ได้เจอรีวิว Scuba diving ของผมแน่ ๆ !!!
แล้วพบกันครับผม
ลากันไปด้วยภาพสวย ๆที่เกาะหลีเป๊ะ ครับผม